การพัฒนาของรถไฟฟ้ากระโดดก้าวไกลส่วนหนึ่งก็เพราะมาจากการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตแล้วส่งมาสู่ถนนทั่วไป ซึ่งแบรนด์ Porsche ก็ได้ไปอีกขั้นกับ ปอร์เช่ 99X อิเล็คทริค (Porsche 99X Electric) ใหม่ รถฟอร์มูล่าอี (Formula E) สำหรับ 2 ฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงรถแข่งแบบเปิดล้อ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับกฎระเบียบของรถฟอร์มูล่าอี (Formula E) เจนเนอเรชันที่ 3 ที่ปรับปรุงใหม่ มีชื่อเรียกว่า GEN3 Evo และมาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีภายในของปอร์เช่อย่างรอบด้าน
Related articles
Ferrari F80 ประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งไฮเปอร์คาร์ชั้นยอดของม้าลำพอง
Bentley เปิดตัวรถรุ่น 3 รุ่นย่อย พี่น้องแห่ง Mulliner เปิดศักราชของรุ่นเรือธง
การพัฒนาเทคโนโลยีภายในของ Porsche 99X Electric
ในเวอร์ชัน GEN3 ได้ผ่านการคว้าตำแหน่งแชมป์โลกมาเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน ด้วยฝีมือการควบคุมหลังพวงมาลัยของเดนนิส (Dennis) ในฤดูกาลปี 2022/2023 และเวียร์ไลน์ (Wehrlein) ในปี 2023/2024 ที่ยังคงมีแนวคิดเฉกเช่นเดิม นั่นคือการยึดมั่นตามกฎระเบียบ ในการใช้พลังงานที่มีอยู่ได้อย่างจำกัด ส่งผลบังคับให้ทีมและนักขับต้องเพิ่มประสิทธิภาพของรถในทุกด้าน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ GEN3 Evo มีส่วนประกอบซึ่งพัฒนาโดยผู้ผลิต ที่ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงได้ ด้วยเหตุนี้ แผนกพัฒนาของปอร์เช่ในไวส์ซัค (Porsche’s development department in Weissach) จึงถือโอกาสนี้ เพิ่มประสิทธิภาพจากศักยภาพที่ระบุไว้ในช่วงสองฤดูกาลที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของระบบขับเคลื่อน การรับรองส่วนประกอบของผู้ผลิตที่มีการปรับปรุงนี้จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 2 ฤดูกาล ในส่วนของรถรุ่นเจเนอเรชันที่สี่ GEN4 กำหนดเปิดตัวสำหรับฤดูกาลที่ 13 (2026/2027)
ฟีเจอร์ใหม่ – Porsche 99X Electric GEN3 Evo
นวัตกรรมทางเทคนิคหลักของ GEN3 Evo เกี่ยวข้องกับฮาร์ดแวร์มาตรฐานที่ใช้โดยทุกทีมและผู้ผลิตรถที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ จากนี้ไป ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าสามารถใช้งานได้ในรอบการแข่ง เพื่อกำหนดตำแหน่งสตาร์ทในการแข่งขัน (qualifying duels) ระหว่างการเริ่มการแข่งขัน และโหมดโจมตี (Attack Mode) 350 กิโลวัตต์ (476 แรงม้า) ซึ่งจะทำให้รถมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อชั่วคราว ช่วยให้รถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาประมาณ 2 วินาที การทำให้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นอีกหนึ่งความท้าทายทางเทคนิค ซึ่งสิ่งที่ได้รับถือเป็นประโยชน์ในการพัฒนารถยนต์ที่ใช้ขับบนท้องถนนทั่วไปของปอร์เช่ด้วย
สีสันจากรถยนต์รุ่นเรือธง
สีใหม่ที่ใช้บนตัวรถจะเป็นสีม่วงเมทัลลิก (Purple Sky Metallic) และสีเขียวเมทัลลิก (Shade Green Metallic) ซึ่งเป็นสีเดียวกับที่ปอร์เช่ (Porsche) ใช้ในรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ในสายการผลิตสำหรับขับขี่บนท้องถนนเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา อย่าง ไทคานน์ เทอร์โบ จีที (Taycan Turbo GT) รถยนต์ผลิตที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่แบรนด์เคยสร้างมา โดยเปลี่ยนเป็นเฉดสีม่วงและเขียว แทนการผสมผสานแบบดั้งเดิมของสีดำ ขาว และแดง เพื่อสื่อความหมายถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากกีฬามอเตอร์สปอร์ตสู่สายการผลิต การเปลี่ยนแปลงด้านสีนี้ยังแสดงถึงการใช้พลังงานไฟฟ้าและจิตวิญญาณแห่งความเป็นผู้นำของปอร์เช่ โดยมีเป้าหมายเพื่อสื่อสารความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมการสร้างสรรค์ของบริษัท ในการแข่งขันฟอร์มูล่าอี (Formula E) ที่ก้าวหน้านี้
ปอร์เช่ในการแข่งขันฟอร์มูลา อี (Formula E)
ปอร์เช่ (Porsche) เข้าร่วมการแข่งขันฟอร์มูลา อี (Formula E) ฤดูกาลที่ 6 ในปี 2024/2025 นอกจากทีม TAG Heuer Porsche Formula E ที่ดำเนินการโดยบริษัทแล้ว ทีมลูกค้าอเมริกันอย่าง Andretti Formula E ก็เข้าร่วมแข่งขันด้วยรถปอร์เช่แนวคิดของรถแข่งพลังงานไฟฟ้าที่เป็นนวัตกรรมนี้ได้รับการพัฒนาที่สถานที่ของบริษัทในไวสซัค (Weissach) ซึ่งดำเนินงานในรูปแบบคาร์บอนเป็นกลาง ทีมปอร์เช่ย้ำความมุ่งมั่นในการเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลก โดยต้องการที่จะมีบทบาทนำในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมแต่โดดเด่นในด้านพลังงานไฟฟ้า, ความยั่งยืน และเทคโนโลยี ใน Formula E ปอร์เช่สามารถเรียนรู้องค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีค่าเพื่อพัฒนารถสปอร์ตพลังานไฟฟ้าในสายการผลิตของแบรนด์
Main, Hero and Featured images: Porsche PR Thailand