เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้รู้จักเหล่าแร็ปเปอร์กันมากขึ้นจากข่าวฉาวจากนักร้องแร็ปเปอร์รุ่นใหญ่อย่าง พี.ดิดดี (P.Diddy) ที่ทำให้คนที่เกี่ยวข้องมากมายต้องออกมาพูดปกป้องตัวเอง และก็อาจจะเรียกหาสหบาทา เรียกง่าย ๆ “คนล้มต้องซ้ำ” และสองคนที่ได้รับการเอ่ยชื่อจากข่าวนี้ที่สุดคือ เอ็มมิเน็ม (Eminem) และ 50 เซ็นต์ (50 Cent) ซึ่งสองคนนี้เรียกได้ว่า เป็นเพื่อนรักในวงการได้เลย ก็ไม่ต้องแปลกที่พวกเขาจะมีชื่ออีกครั้งนอกจากผลงานเพลงของพวกเขา เราก็เลยอยากจะรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเรียกได้ว่า “เพื่อนกันเพื่อนตายตลอดไป” เลยก็ว่าได้ พาไปไขความสัมพันธ์ 2 ทศวรรษนี้กัน
Related articles
Britney Spears กับ หนังสือ “The Woman in Me” พร้อม 10 เกร็ดน่ารู้ที่น่าสนใจ
Usher Super Bowl กับ Halftime Show ไอคอน R&B ที่ใครอาจหลงลืม เขาคือใคร?
Eminem และ 50 Cent เพื่อนซี้ไม่มีซั้วแห่งยุค ค.ศ. 2000
ทั้งสองคนเป็นหนึ่งในดูโอพลังฮิปฮอปที่โดดเด่นแบบสุด ๆ โดยทั้งคู่มีสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาและมักจะมีการรายงานจากแหล่งข่าวที่ออกมาตลอดว่าช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไม่ว่าในช่วงชีวิตนั้นจะดีที่สุดหรือวิกฤติที่สุด เอ็มมิเน็ม คือผู้ค้นพบพรสวรรค์ของ 50 เซ็นต์ เพราะความบังเอิญหรือโชคชะตาก็ไม่ทราบได้ ซึ่งต้องย้อนกลับไปในปี 2002 อาชีพของ มาร์แชล บรูซ มาเธอร์ที่สาม (Marshall Bruce Mathers III) ผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดในอาชีพไปแล้วจากการปล่อยอัลบั้ม Marshall Mathers LP ได้มีโอกาสฟังมิกซ์เทป Guess Who’s Back ของ 50 เซ็นต์ แน่นอน พ่อมดแร็ปเปอร์ขาว Eminem รู้สึกประทับใจและเซ็นสัญญาพ่อหนุ่มคนนั้นทันที พร้อมส่วนแบ่ง 50/50 กับค่ายเพลงของ ดร. เดร (Dr. Dre) อย่าง Aftermath
ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นที่โลกต้องรู้
ฝีปากการร้องเพลงที่แซ่บหลายเผ็ดมัน ทำให้อัลบั้มเปิดตัว Get Rich or Die Tryin’ กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดขายทั่วโลก 10 ล้านก็อปปี ทำให้กลายเป็นนักร้องสายฮิปฮอปในช่วงปี 2003 แถม 50 เซ็นต์ยังได้คว้า Best Rap Video และ Best New Artist ปี 2003 ในงาน MTV Video Music Awards ส่วน เอ็มมิเน็ม ก็ได้รางวัลจากเพลง “Lose Yourself” ในรางวัล Best Video ซึ่งทั้งคู่กลายเพื่อนรักที่ผลักดันซึ่งกันและกันที่แท้ทรู
นอกจากพวกเขาสองคนที่ร่วมฟีเจอริงกันในเพลง Patiently Waiting จากอัลบั้ม Get Rich or Die Tryin’ ทั้งคู่ยังผลักดันกลุ่ม G-Unit กลุ่มอเมริกันฮิปฮอปที่เป็นเพื่อนมาอย่างยาวนาน โดยได้ 50 เซ็นต์ นำทัพ พร้อมกับ โทนี่ ยาโย (Tony Yayo) และลอยด์ แบงก์ส (Lloyd Banks) ได้ปล่อยเพลง Don’t Push Me แถมได้ เอ็มมิเน็ม มาร้องท่อนแร็ป เพลงนี้ให้อีกด้วย จนตอนหลังกลุ่ม G-Unit ก็มีค่ายเพลงเป็น G-Unit Records แถมมีแบรนด์เสื้อผ้ามากมายขายดีเทน้ำเทท่าในยุค 2000 ต้น ๆ
ช่วงยากลำบากของพ่อมดแร็ปเปอร์ขาว Eminem
ย้อนกลับไปในปี 2007 เอ็มมิเน็มได้เข้าสถานบำบัดเรื่องการใช้สารเสพติด หลังจากที่ต้องฟื้นฟูอยู่นาน เขาก็ได้กลับมาในอัลบั้ม Relapse ในปี 2009 แน่นอนงานนี้ทั้ง ดร. เดร และพ่อหนุ่ม 50 เซ็นต์ ก็ได้คอยช่วยเหลือในอัลบั้มเต็มที่จนทำให้ซิงเกิลแรกอย่าง Crack a Bottle ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ให้เขาได้คัมแบ็คอย่างสง่างาม
ซิงเกิลนี้ทำให้ เอ็มมิเน็ม ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์มากมาย ในขณะที่ Billboard กล่าวชื่นชมว่า “ทักษะของเขายังคงเป็นที่สุดในวงการฮิปฮอป และการทำงานร่วมกันทำให้ภาคดนตรีแข็งแกร่งขึ้นอีกไม่มากก็น้อย”
หลังจากในช่วงปี 2012 พวกเข้าทั้งคู่ร่วมงานกับ อดัม เลวิน (Adam Levine) นักร้องนำวง Maroon 5 ในเพลง My Life เพลงยอดฮิตของยุค 2012 ซึ่งเปรียบเสมือนเพลงฮีลใจของ 50 เซ็นต์
ซัพพอร์ตส่งเสริมกันและกันในทุกโอกาส
ในปี 2014 เมื่อ 50 เซ็นต์ พูดกล่าวยกย่องเพื่อนซี้ว่า เปรียบเหมือนเป็นที่ปรึกษาที่เขาให้ความเคารพเป็นอย่างสูง และยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทั้งคู่ได้กล่าวชื่นชมกันไปมาอยู่เสมอ หรือยกตัวอย่างเมื่อเดือนกันยายน ในปี 2023 เอ็มมิเน็มไปเป็นแขกรับเชิญพิเศษสำหรับทัวร์ Fifty’s Final Lap ที่เมืองดีทรอยต์ เขาได้กล่าวไว้ว่า “เอ้า ดีทรอยต์ ส่งเสียงให้เพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยรู้จักหน่อยสิ นั่นก็คือ 50 เซ็นต์!” เอ็มมิเน็ม ประกาศบนเวที
สงครามเพลงตาต่อฟันต่อฟัน
การปะทะคารมผ่านบทเพลง ที่เรามักจะได้ยินในวงการเพลงโลก ซึ่งมักจะถูกเรียกว่า Diss Track หรือ Diss Song หรือจะย่อสั้น ๆ ว่า ‘Diss’ หรือ ‘ดิส’ โดยคุณก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจากข่าว “พี.ดิดดี” ที่ฉาวไปทั่วโลก มีหรือที่สองคนนี้ที่เปรียบเสมือนไม้เบื่อไม้เมาของแร็ปเปอร์รุ่นใหญ่ จะไม่เอ่ยถึง และถือโอกาสซ้ำแผล แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าคู่หูทั้งสองคนก็ทำเพลงดิสคู่แข่งมาอยู่เรื่อย ๆ
อย่างอัลบั้มใหม่ของ เอ็ม อย่าง The Death of Slim Shady (Coup de Grâce) ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ได้มีการปล่อยเพลง “Fuel” ที่เนื้อหากระทบกระเทียบ ฌอน “ดิดดี” คอมบ์ส (Sean “Diddy” Combs’) หรืออีกชื่อในวงการของ ดิดดี กับท่อนนึงของเพลงที่พูดคำว่า “RAPPER” แต่ตั้งใจให้ตัว P หายไปหนึ่งตัวจนความหมายเปบี่ยน เป็นการบอกกลาย ๆ ว่าฉันรู้นะ หรือจะเพลง “Bad One” ที่กล่าวหาว่า ดิดดีระเบิดรถของ คิด คัดดี (Kid Cudi) แร็ปเปอร์ชาวอเมริกันในปี 2012 และ “Antichrist” ที่อ้างอิงถึงอดีตแฟนสาวของ ดิดดี อย่าง แคสซี (Cassie) ที่ถูกทำร้าย ณ โรงแรมแห่งหนึ่งเมื่อปี 2016
หรือฝั่ง 50 เซ็นต์ ที่พร้อมจิกกัดเสมอมา เตรียมงานทำสารคดีเปิดโปงฉาว ดิดดี อีกทั้งทาง Netflix พร้อมรับกระแสประมูลลิขสิทธิ์ในการฉายเพิ่มความเร้าใจเข้าไปอีก ซึ่งตัวของ 50 เซ็นต์ เองก็บอกว่า พร้อมจะเป็นกระบอกเสียงให้คนที่ไม่อาจส่งเสียงได้ และตั้งใจนำเสนอมุมมองแท้จริง ซึ่งก็คงต้องรอต่อไปว่า Netflix จะฉายเมื่อไหร่คงต้องติดตามต่อไป
แต่ที่แน่ ๆ เอ็มมิเน็ม (Eminem) และ 50 เซ็นต์ (50 Cent) คือเพื่อนในวงการเพลงที่ค่อยผลักดันกันจนไปได้สุดในวงการ แถมยังพร้อมสนับสนุนกันทุกเรื่อง แล้วแบบนี้ พวกเขาจะไม่เป็น “เพื่อนตาย” ต่อกันได้อย่างไร
Main, Hero and Featured images: 50cent via X, Marshall Mathers via X
References:
Eminem’s Long History of Dissing Diddy: Look Back Amid Recent Allegations
Eminem’s Long History of Dissing Diddy: Look Back Amid Recent Allegations
https://www.thethings.com/50-cent-eminem-friendship-timeline/